เทศน์เช้า

ฝนตกขี้หมูไหล

๒๕ ส.ค. ๒๕๔๒

 

ฝนตกขี้หมูไหล
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

เทศน์เช้า วันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๔๒
ณ วัดสันติธรรมาราม ต.คลองตาคต อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ฝนตกขี้หมูไหล ถ้าแต่เดิมภาพพจน์ของเขาสวยงามมากนะ ภาพพจน์ของพวกที่ปฏิบัติ แล้วเขาจะไม่ยอมให้ใครมาเข้าใกล้หรอก ถ้าคนอื่นเข้ามาเขาจะเปลี่ยนผ้าเปลี่ยนผ่อนให้หมดเลย แล้วภาพพจน์ของขี้หมู เซ็นเช็คก็แล้ว ฟ้องศาลตั้งกี่รอบ เจ้าของโปรเจคต่างๆ ที่ว่าล้มแล้วล้มอีก เขาจะไม่ให้เข้าใกล้เขาเลย เป็นไปไม่ได้เลยว่าคนถ้าเป็นปกติเขาจะให้เข้ามาใกล้ตัวเขา เพราะอะไร? เพราะมันเป็นการทำลายภาพพจน์ของเขา

เขาเป็นห่วงเรื่องภาพพจน์มากเลย แต่เพราะว่าอะไร? เพราะว่าคนเรามันถึงเวลาตกต่ำใช่ไหม? เวลาใครเข้ามาเพื่อจะช่วยเหลือตัวเองนี่ยอมรับหมดเลยนะ แล้วแต่ละองค์ที่เขาไปเทศน์ ธรรมดาการเทศน์ของเขา เขาจะกลืนกินหมด ผู้นำบุญต่างๆ จะบอกเลยว่าทำบุญที่อื่นจะไม่ได้บุญ พระที่อื่นไม่ดี จะต้องวัดนี้วัดเดียวที่เป็นพระดี จริงไหม?

ผู้นำบุญจะบอก ทำที่อื่นจะไม่ค่อยได้บุญหรอก ทำที่นี่จะได้บุญเลย เพราะอะไร? เพราะได้ถวายข้าวพระพุทธเจ้า อริยนิพพานนู่นเลย ถวายข้าวพระพุทธที่ไหนเขาก็ทำทุกวัดแหละ แต่เขาถวายกันปกติ ถวายข้าวพระพุทธ แต่นี่มันทำให้แบบว่าเอามาอ้างอิงได้ไงว่าทำที่อื่นไม่ได้ เพราะอะไร? เพราะว่าไม่ได้ไปถวายพระพุทธเจ้า ถวายพระพุทธรูป นี่ถวายข้าวพระพุทธ เห็นไหม

ถึงว่าต้องทำบุญที่นี่ถึงจะได้บุญ พระที่อื่นก็ไม่มี ทำบุญไม่ได้ พระที่อื่นเข้ามาในวัดก็ต้องเปลี่ยนผ้าผ่อนให้เหมือนกันหมด ใครเข้าไปจะเปลี่ยนสี แล้วนี่ไม่ได้ดูว่าสีผ้าสีอะไรด้วยนะเวลาขึ้นเทศน์ แล้วธรรมาสน์ของเขาจะไม่มีใครเทศน์หรอก ไม่มีทางที่จะได้เทศน์ มีแต่เป็นประธานเฉยๆ การเทศน์คือเขาเทศน์ เห็นไหม แต่ถึงเวลาต้องการแรงสนับสนุน เห็นไหม ใครจะรู้ว่านิพพานเป็นอัตตาหรืออนัตตา ไม่มีใครรู้หรอก เพราะอะไร? เพราะคนที่รู้จริงถึงจะพูดได้ ไม่มี อัตตา อนัตตา เถียงกันไปทำไม? คนจะรู้จริง

นี่คำเทศน์ของเขานะ “คนรู้จริงเท่านั้นถึงจะรู้ว่านิพพานเป็นอย่างไรใช่ไหม? แต่เราก็ไม่ถึงนิพพาน จะว่าใครเป็นนิพพานไม่ได้” แล้ววกกลับมา แต่ที่นี่มีนิพพานอยู่นะ นี่ไงพระ... เป็นถึงนิพพาน แหน่ะ ขี้หมูมันยกขี้หมู ขี้หมูชมขี้หมู ไอ้ขี้หมูก็น้อม โอ๊ย ยอมรับ นี่ขี้หมู

“ใครไม่เคยเห็นนิพพาน? นี่เป็นนิพพาน ถ้าใครไม่เคยเห็นนิพพาน นี่เจดีย์นี้เป็นนิพพาน นิพพานนี้ดวงของธรรมคือดวงของธรรม แล้วไอ้ที่เป็นรัศมีนั่น เห็นไหม รัศมีของนิพพาน” แหน่ะ นิพพานมีรัศมีอีกนะ นี่ขี้หมู ขี้หมูมันชมขี้หมูไง นี่ฝนตกก็ขี้หมูไหลมา พอขี้หมูไหลมา ขี้หมูมันเหม็นอยู่แล้วก็ว่าขี้หมูหอม แล้วแต่เดิมก็ไม่ยอมรับ ถ้าเป็นปกติจะยอมรับสิ่งนี้ไหม? ไม่ยอมรับ

ในการพลั้งเผลอไง เรื่องนี้กำลังเป็นเรื่องกล่าวโจษกันว่าเป็นโทษใช่ไหม เป็นนิพพานเป็นการอวดอุตริ แล้วก็พูดว่าคนที่จะรู้จริงนี้ต้องเป็นพระอรหันต์เท่านั้นถึงจะรู้จริง พวกเราไม่มีใครรู้ แต่เสร็จแล้วก็บอกว่ารู้ คนนี้เป็นๆ ชี้เลย นี่ขี้หมู ไปชี้ว่าเขาเป็นๆ แล้วคนที่ชี้เขาเป็นต้องเหนือกว่าไหม? ต้องเหนือกว่าคนเป็นไหมถึงจะชี้เขาได้

นี่ไงเราถึงบอกว่าคนเรามันไม่มีเชาว์ตรงนี้ไง คนเรานี่เวลามันจนตรอกจนมุม ใครจะมาช่วยเหลือ เป็นขี้หมูก็เห็นว่าเป็นน้ำหอมไปหมดเลย แล้วขี้หมูนี่มาเหยียบให้ต่ำลงไป เหยียบให้ต่ำลงไป เพราะนี่คือการโจษกันอยู่แล้ว แล้วยังมาชี้ แล้วยังมาสาธุ นี่มันเป็นหลักฐานให้ยอมรับกัน ยกมือน้อมรับว่านี่พระอรหันต์ น้อมรับเลย แล้วเวลาโจษก็ว่าไม่ได้พูดๆ นี่มันเป็นหลักฐานเลย มันเป็นหลักฐานที่ยืนยันได้ การเจตนาไง

เวลาเป็นเจตนา เห็นไหม นี่ขี้หมู ขี้หมูเวลามันจนตรอก ไอ้ขี้หมูที่มาชมนั้นก็เท่ากับมาเสริมให้หนักไป แล้วเขาพูด เห็นไหม พูดไปเรื่อย พูดไปข้างหลังว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กน้อย เล็กน้อยสิ เพราะเซ็นเช็คกี่สิบล้าน ฟ้องศาลติดคุกแล้ว ฎีกาแง่กฎหมายมันก็พลิกได้ ไอ้พลิกมันส่วนพลิกสิ ไอ้นั่นมันเป็นแง่กฎหมายที่จะหลอก ที่จะบิดเบือนกันไป แต่เจตนานี้เซ็นเช็คหรือเปล่า? จ่ายเงินหรือเปล่า?

ขาดตรงเรื่องเจตนานั้นแหละ ศีลธรรมจริยธรรมมันอยู่กับหัวใจเว้ย ธรรมมันอยู่ที่หัวใจ หัวใจ มันเป็นแล้วมันก็ขาดไปแล้ว มันขาดไปตั้งแต่ตรงนั้น แต่มาพลิกกันไง มาพลิกกันข้างนอก แล้วก็บอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กน้อย เพราะเขาผ่านมามากถึงว่าเรื่องเล็กน้อย เรื่องเล็กน้อยเพราะอะไร? เพราะขี้หมู ขี้หมูมันกลบกลิ่นอื่นหมด ขี้หมูนี่ กลิ่นอื่นมา กลิ่นขี้หมูกลบหมดเลย แต่นี้เขาไม่ได้วางตัวเป็นขี้หมู เขาวางตัว เห็นไหม ไปเฝ้าพระพุทธเจ้านู่นน่ะ ภาพพจน์นี่สวยงามสุดสวยงาม

ฉะนั้น ในเมื่อเป็นพระอรหันต์ ผู้ที่ไปเฝ้าพระพุทธเจ้าได้ ไอ้เจตนาทุจริตมันต้องไม่มีสิ นี่มันลืมไปไง ลืมว่าอันนั้นเป็นน้ำหอม เขาวางตัวเป็นน้ำหอม เป็นน้ำหอมที่ฟุ้งกระจายไปทั่วสามแดนโลกธาตุ แล้วก็เอากลิ่นขี้หมูมาเทียบไง แล้วบอกว่าไม่เป็นไรหรอก ของนี่ของเล็กน้อย ก็ขี้หมู ขี้หมูกับน้ำหอมมันต้องต่างกันอยู่แล้ว แต่พอขี้หมูมาชนน้ำหอม น้ำหอมมันเลยกลายเป็นขี้หมูไป น้ำหอมก็เลยลืม ลืมไง เวลาจนตรอกจนมุม ลืมว่าฉันวางตัวไว้เป็นน้ำหอม เป็นกลิ่นที่ว่ากลิ่นดอกมะลิ หอมไปทั่วแดนโลกธาตุ พอขี้หมูมาชมน้อมรับ เอามือมาน้อมรับเขาว่าจริงอย่างที่ขี้หมูว่า

โอ้ น้ำหอมต้องให้ขี้หมูการันตีเว้ย แล้วอย่างนี้ นี่ฝนตกขี้หมูไหล เห็นไหม แล้วอีกองค์หนึ่งก็เหมือนกัน อีกองค์หนึ่งก็บอกว่าอะไรนะ คนอื่นกั้นไม่ได้ ปิดกั้นไม่ได้ เรื่องของทาน เรื่องของบุญใช่ไหม? เรื่องของบุญ ใครจะไม่ปิดกั้นบุญของคนอื่นอยู่แล้ว บุญต้องมาตามบุญ ใครปิดกั้นไม่ได้ อย่างที่เขาพูดมันก็ถูก ที่เขาบอกว่ามันเป็นอามิสสินจ้าง มันไม่ใช่เป็นบุญ บุญมันเกิดจากเจตนา บุญนี่ใครจะปิดกั้น ทุกคนอยากให้ประเทศชาติเจริญทั้งนั้นแหละ แต่ผู้ที่เจริญ มันต้องมีปัญญาถึงเจริญไง ปัญญาเจริญไม่ใช่ปัญญาทำให้ช็อก ช็อกความรู้สึก ช็อกชาวบ้าน ช็อกให้เป็นคนหลับใหลไปไง

ศรัทธาด้วยไม่มีปัญญามันก็หลับใหลไป ความที่เขาหลับใหลกันไป ถึงว่าศาสนานี้มันประเสริฐมาก ศาสนานี่ประเสริฐมาก แต่เพราะว่าอะไร? เพราะคนเข้าไม่ถึงศาสนา เอาศาสนาเป็นยาเสพติด ขอให้มันเสพติดเถอะ ถ้าเสพติดศาสนาจริงนะ แต่มันเสพติดพิธีกรรม เสพติดขี้หมู กลิ่นขี้หมูไม่ต้องเสพมันก็ติด เดินผ่านไปกลิ่นขี้หมูมันจะเกาะตัวเราไปเลย แต่กลิ่นของพระพุทธเจ้า กลิ่นของธรรม กลิ่นของธรรม กลิ่นของความดี เห็นไหม กลิ่นของศีลของธรรมหอมทวนลม ไปทวนลม

ไอ้นี่ไปลากเขามานะ ไปจ้างวานเขามานะ จ่าย ๒ หมื่น ๓ หมื่น แล้วบอกว่าอันนี้เป็นคุณงามความดี ถ้าคุณงามความดีนะ เราจะซื้อนิพพานว่ะ เราจะซื้อนิพพานคนละกี่ล้านก็จะซื้อ ซื้อสมาธิ ใครก็อยากจะซื้อถ้าเอาเงินซื้อได้ แต่เอาเงินซื้อไม่ได้ แต่อันนี้เอาเงินซื้อความดี พอจะเอาเงินซื้อความดี บอกว่าไอ้ที่ว่าเขาปิดกั้นนั้น ปิดกั้นบุญกุศล บุญกุศลมันซื้อเอาหรือ? บุญกุศลมันเกิดจากเจตนา เกิดจากเขาถวาย ไม่มีการที่มันจะมาต่อต้านกันอย่างนี้หรอก

นี่ฝนตกขี้หมูไหล เห็นชัดๆ เลยนะ มันน่าสมเพช อ่านไปก็สมเพช ทั้งสมเพช ทั้งตลก ทำไมมันไม่มีปัญญากัน มันคิดออกมาได้อย่างไร? เรื่องอย่างนี้คิดออกมาได้อย่างไร? ทำไมปัญญาชนที่ว่าเป็นทีมงาน ตรงนี้มองไม่ออกเลยเหรอ มันเป็นพยานหลักฐานนะ มันเป็นพยานหลักฐานที่ว่าตัวเองคิดอะไรกันอยู่ แล้วอย่างตอนสมัยที่เวนคืน เห็นไหม เจตนาที่ดีคือต้องฟ้องเขา พอฟ้องเขา เขาบอกเลยว่าเจตนาคือไม่คืน เห็นไหม มันก็ชัดอยู่แล้วเจตนาไม่คืน แต่นี่คือการยักยอก

อันนี้ก็เหมือนกัน ไม่ได้อวดอุตริ ไม่ได้อะไร แต่พอทางโน้นชมมาต่อหน้าธารกำนัล สาธุ เฮกันลั่นเลย แล้วก็นี่มันสนุก มันสนุกขนาดนั้น แต่มันเป็นเจตนา มันแสดงเจตนาออกมาว่าสิ่งที่ว่าวางตัวไว้เป็นน้ำหอมมันจริงไหม? หอมไปไม่มีการทุจริต พระอรหันต์จิตนี้ต้องเป็นธรรมทั้งหมด ธรรมที่จะมาหลอกลวงโลกไม่มี ทำไมต้องเอากลิ่นขี้หมูมาการันตีล่ะ? กลิ่นขี้หมูนี่ทุกๆ คนในเมืองไทยก็รู้แล้วอันนี้เป็นขี้หมู เพราะภาพพจน์มันเสียหายหมดแล้ว แต่ทำไมไหลมา มารวมกันที่นั่นเลยนะ มารวมกัน ขี้หมูไหล ฝนตกขี้หมูไหล ขี้หมูมารวมกันอยู่นั่นหมดเลย นี่ภาพพจน์ก็เลยไปเลย

เข้าใจว่า เข้าใจว่าคงจะยกฟ้อง ศาลยกฟ้องก็คงจะหมดเรื่อง กำลังจะจัดงานฉลองใหญ่ มาถึงก็เลยเตลิดเปิดเปิงไป พอเตลิดเปิดเปิงไป ตีกลับมา เห็นไหม ตีกลับมา “นี่ผู้ใดปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ธรรมะย่อมคุ้มครอง” ธรรมนี้ประเสริฐมาก พระพุทธเจ้าบอกแล้วไง ธรรมวินัยนี้จะพัดซากศพขึ้นตลิ่งหมด ไม่เก็บธรรมวินัยไว้

แล้วทำไมพระที่เขาปฏิบัติกันอยู่ ปฏิบัติผิดที่เขาว่าพระที่อื่นทำบุญแล้วไม่ได้บุญ พระองค์นั้นให้หวย พระองค์นั้นดูหมอ สู้อันนี้ไม่ได้ อันนี้ประเสริฐ อันนั้นเป็นความผิด มันเป็นความผิดเพราะเป็นความเห็นผิด

ความเห็นผิด เห็นไหม คนเรามันต้องมีหยาบ มีกลาง มีละเอียด ความเห็นผิด เขาก็มีความเห็นผิด เป็นกรรมของเขาอยู่แล้ว ผู้ใดทำผิด ในศาสนานี้ทำผิดหมด แต่ทำไมไม่ซัดซากศพเข้าฝั่งล่ะ? ซัดสิ ซัดความคิด คนๆ นั้นมีความทุกข์นะ ผู้ที่ทำความผิดอยู่ ถ้ารู้ทีหลังเสียใจทุกคนแหละ คนที่จะปฏิบัติไปนะ ปฏิบัติไป รู้ว่าตรงนี้ผิดมันก็จะสละไปๆ แต่ไม่ใช่รู้ว่าผิดแล้วจะต่อต้าน แล้วจะดึงฟ้าให้ต่ำไง

มรรค ผล นิพพานมันสูงส่ง มรรคในศาสนา ในเป้าหมายของเรา ไม่ใช่เอามาขายกินกัน ครูบาอาจารย์ที่เป็นนะ อย่างครูบาอาจารย์ลูกศิษย์หลวงปู่มั่นจะปิดเรื่องนี้ จะไม่ให้เรื่องนี้ออกไป เพราะอะไร? เพราะว่าท่านไม่เห็นเป็นประโยชน์อะไรเลย เห็นแต่เป็นโทษว่าคนนี้จะเอาไปขายกิน อาจารย์มหาบัวเวลาเทศน์นะ “ใครอย่ามั่นหมายนะ ใครอย่าจำนะ”

จำมันเป็นกิเลส จำไปเอาไปพูดมันเป็นประโยชน์อะไรขึ้นมา? จำไปเป็นโทษทั้งหมด จำไปแล้วมันไปแย้ง ใครมามั่นหมาย ฟังเทศน์ให้เป็นเทศน์ ฟังแล้วให้เป็นแนวทางที่เราจะปฏิบัติไปถึงธรรม ไม่ใช่ฟังเทศน์แล้วจำมาเป็นของเรา พอจำมาเป็นของเรามันเป็นทุกข์สองชั้นไง เห็นไหม ถึงว่าเป็นมหาโจรไง หลอก เอาไปหลอกเพื่อลาภสักการะ แล้วมันทำอะไร? นี่มันจะเริ่มเป็นขี้หมูไง เห็นลาภสักการะสูงกว่าธรรม เห็นเงินทองสูงกว่าธรรม เห็นชื่อเสียงสูงกว่าธรรม ลาภสักการะฆ่าโมฆบุรุษเว้ย ฆ่าคนโง่เว้ย ลาภสักการะทำให้คนโง่ตกต่ำเว้ย แล้วทำไมต้องเอามาพูด

ท่านเห็นโทษที่ว่า พูดไปแล้วลูกศิษย์จำไปพูดหนึ่ง พูดไปแล้ว ผู้ที่ปฏิบัติแล้วปฏิบัติยากอีกหนึ่ง แล้วคนที่เป็นธรรมอยู่แล้ว ธรรมมันเหนือทุกๆ อย่าง เหนือโลก มันต้องไม่ติด การไม่ติดนั้นถึงไม่เอามาอวดอ้างไง แต่สามารถสอนได้ไม่อวดอ้าง ไม่อวดอ้างเก็บไว้ในใจนะ เพราะอวดอ้างนั้นเป็นกิเลสทั้งหมด ในเมื่อใจเป็นธรรมเอาอะไรมาอวดอ้าง นั้นถึงเป็นธรรม นี่ธรรมประเสริฐ ประเสริฐตรงนั้น ไม่ใช่ขี้หมูไหล

ขี้หมูไม่ต้องบอกว่าขี้หมู กลิ่นมันมาก่อน เดินโชยมาเลยนะ นี่กลิ่นขี้หมูมาแล้ว นี่มันขายตัวขายตนมาแล้ว นั่นน่ะขายความชั่วออกมาแล้ว เพราะอะไร? เพราะต้องการ มันต้องการลาภสักการะ มันไม่ต้องการธรรม ถ้าคนต้องการธรรมมันเป็นธรรม ธรรมมันประเสริฐอยู่ในหัวใจ มันไม่ติดกลิ่นใดๆ ทั้งสิ้น แต่นี้จะผลักออกไปให้เป็นขี้หมู ขี้หมูทั้งหมดเลย แล้วนี่ฝนตกขี้หมูไหล

ในศาสนานี้ก็เหมือนกัน ฝนตกใหญ่ นี่ขี้หมูไหลมารวมกัน ในศาสนาปัจจุบันนี้ นี่เวลาครูบาอาจารย์บอก กึ่งพุทธกาล กึ่งพุทธกาลหลวงปู่มั่นเกิดมาเป็นผู้นำ ผู้ปฏิบัติชุดของเรา ในวงปฏิบัติกรรมฐานของสายหลวงปู่มั่น นี่นำขึ้นมา นี่เป็นธรรมขึ้นมา เราก็ปฏิบัติกันขึ้นมา แล้วกึ่งพุทธกาลจะเจริญขึ้นมา แล้วการจำมา การด้นเดามา การเปรียบเทียบมา การคาดการณ์มา เห็นไหม แล้วพอหวังอะไร? ไม่ใช่หวังธรรม หวังลาภสักการะ เวลาถึงฝนตกใหญ่ ขี้หมูถึงไหลไปรวมกันอยู่นั่น ขี้หมูไหลไปกองกันเต็มไปหมดเลย

นี่ฝนตกขี้หมูไหล ไหลลงไปกองกัน เราไม่ใช่กลิ่นขี้หมู เราจะอยู่ในศีลในธรรม เราต้องเชื่อในศีลในธรรมของเรา อย่าไปเชื่อขี้หมูนั้น ขี้หมูนั้นก็เป็นขี้หมูนั้น เห็นเลยแหละกลิ่นขี้หมู แล้วกลิ่นของธรรม เราจะเอาตรงไหน เราต้องฝืน ฝืนนะ ต้องฝืน เพราะถ้ามีปัญญาต้องมีปัญญาตรงนี้ ต้องเห็นโทษของมัน ไอ้นี่มันเห็นแก่ความสนุกครึกครื้นไง เวลาพูดถึงยกย่องปอปั้นกัน เฮๆ นะ แหม สาธุๆ ไม่รู้หรอกว่านี่กลิ่นขี้หมูมันโชยเข้ามาแล้ว เอากลิ่นขี้หมูป้ายเข้าไปแล้ว เจตนามันบอกกันหมดนั่นแหละ

เจตนา เวลามีปัญหากันไปแล้วจะรู้ว่าอันนี้เจตนา มันเป็นหลักฐานไปได้ชัดๆ เลย แล้วพูดออกนะ ออกสื่อมวลชนทั่วประเทศ ออกไปยังทั่วโลก แล้วเวลามีปัญหาขึ้นมา บอกว่า “ไม่ได้พูด ไม่ได้ทำ” ..ไม่ได้ทำซักอย่าง ไม่เคยทำอะไรเลยที่เป็นความผิด แต่เวลามันหน้ามืดขึ้นมาทำไมมันทำกันขนาดนั้น? นี่ถึงว่าไม่มีสติ นี่หรือนักปฏิบัติ ผู้ที่ประมาทไง พระพุทธเจ้าสอนแล้วไม่ให้ประมาทในสังขาร ในความคิด ความปรุง ความแต่ง ไม่ประมาทในร่างกาย ไม่ประมาทในสังขารนะ

“ภิกษุทั้งหลาย เธอจงฟังนะ จงอยู่ด้วยความไม่ประมาทในสังขาร ไม่ประมาทในสังขารเถิด ไม่ประมาท ให้พิจารณาสังขารตลอดไป” พระพุทธเจ้าเตือนไว้ตั้งแต่วันปรินิพพาน แล้วนี่ทำอะไรกันอยู่? ประมาทขนาดนั้น เฮกัน สนุกกัน เราถึงไม่ให้สนุก ความสนุกครึกครื้น ความคึกคะนองของใจนั่นเรื่องของกิเลสทั้งหมด จำไว้นะ! ความครึกครื้น ความสนุกครึกครื้น ความคึกคะนองของใจนี่กิเลสทั้งหมด นี่ในที่สงัด ที่ควรแก่การงาน ในที่ที่วิเวก ในป่า ในเขา ในป่าช้า ในที่รกชัฏต่างหาก พระพุทธเจ้าสอนตรงนั้นน่ะเป็นชัยภูมิสำหรับผู้ปฏิบัติ

ทีนี้เราเห็น ถ้าเราจะเป็นคนดีต้องยึดชัยภูมิอย่างนี้ ไม่ใช่ยึดชัยภูมิท้องทุ่งไง ท้องกระทะไง ขี้หมูไหลไปกองอยู่นั่นไง อยากจะปฏิบัติสบายๆ นะ ไหลตามน้ำไปแล้วก็ไปรวมกันตรงท้องกระทะ เป็นขี้หมูหอมฉุยเลย หอมไปอย่างนั้นเลย สนุกครึกครื้นไง คึกคะนองของใจไง แล้วมันจะรวมลงตรงนั้น แต่ความทุกข์ความยากนี่สาวขึ้นไป ขึ้นไปบนภูเขาเลากา เห็นไหม ขึ้นไปบนที่รกชัฏที่ไม่มีคนเขาขึ้นไป ขึ้นไปที่สงบที่สงัด อันนั้นต่างหากถึงจะเกิดกลิ่นของศีลไง

กลิ่นของศีล กลิ่นของธรรมจะเกิดจากผู้ปฏิบัติ ที่ว่ามันโชยออกมาจากยอด จากชัยภูมิที่สูง แล้วมันออกจากป่าจากเขามาก็ให้ประชาชนเขาได้รับประโยชน์ จากเขาคิชฌกูฏนู่นนะ พระพุทธเจ้าจากเขาคิชฌกูฏ นี่ขึ้นไปปฏิบัติ จากที่สูงอากาศมันเบา เห็นไหม ก็หนักมาๆ ถึงญาติโยม ถึงผู้ปฏิบัติเรา ไอ้นี่จะลงทุ่ง จะลงไปคลุกอยู่กับขี้หมู แล้วก็บอกจะพัดเทศน์ขึ้นไปที่สูง นี่ธรรมมันสวนความคิดกัน สวนกระแสกัน

นี้เราเป็นชาวพุทธ เราต้องเอาอันนี้เป็นคติ เป็นคติเตือนใจนะ ว่าเราไม่ใช่ธรรมขี้หมูไหล พวกเราเป็นธรรมของพระพุทธเจ้า เป็นลูกศิษย์ตถาคต เป็นลูกศิษย์ของผู้มีครูบาอาจารย์ เป็นผู้ชี้นำทางให้เรา เรามีแผนที่ดำเนินการแล้ว เรายึดของเราไว้ให้มั่น ใครจะว่ามีส่วนน้อย มีแค่คน สองคน เรื่องของเขา แต่เพราะเราไม่ต้องการคึกคะนองแบบขี้หมูนี่ กลิ่นขี้หมูมันหาง่าย ไม่ต้องมามันยังโชยมา มันมีแต่คนรังเกียจ เวลาเขารังเกียจกัน ขี้หมูนี่ โอ๊ย เหม็นๆๆๆ แต่เวลาทำนี่อยากได้ขี้หมู เพราะขี้หมูมันสนุกไง ขี้หมูมันคึกคะนองใช่ไหม? เวลาปฏิบัติมีคนสองคน อยู่ในที่สงัด อยู่ในที่รกชัฏ ไม่อยากปฏิบัติ เห็นไหม

นี่มันต้องฝืนใจของเราขึ้นมา เราถึงว่าเราจะเป็นผู้มีหลักมีเกณฑ์ มีครูบาอาจารย์แล้วเราต้องภูมิใจในหลวงปู่มั่นเราสิ ภูมิใจในหลวงปู่มั่น ภูมิใจในอาจารย์มหาบัว ภูมิใจในครูบาอาจารย์เรา หลวงปู่ขาว หลวงปู่ฝั้น หลวงปู่ชอบ ครูบาอาจารย์ที่ดำเนินตามทางไปแล้ว เรามีเป้าหมาย มีผู้บอกทาง มีผู้การันตี ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม มีอยู่แล้ว ทำไมต้องไปเชื่อกลิ่นขี้หมูว่ะ? กลิ่นขี้หมูนี่ฟ้องศาลแล้วฟ้องศาลอีกแล้วนะ ยกแล้วยกเล่าอยู่นั่นน่ะ ไอ้นั่นเรื่องของเขา อย่าไปเชื่อเขา เราไม่เชื่อกลิ่นขี้หมู ต้องเชื่อกลิ่นของธรรม “กลิ่นของธรรมประเสริฐที่สุด”